เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ในยุคที่ www เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ธุรกิจ หน่วยงานต่างๆ เริ่มที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองอย่างแพร่หลาย แต่การมีเว็บไซต์นั้น ยังไม่สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ยังต้องพึ่งโปรแกรมเมอร์หรือเว็บมาสเตอร์ผู้มีความรู้เรื่องภาษา HTML ดังนั้นการปรับปรุงอัพเดทข้อมูลเว็บไซต์แต่ละครั้งต้องพึ่งเว็บมาสเตอร์เป้นคนจัดการให้โดยการเขียนภาษา HTML แล้วอัพโหลดผ่าน FTP ขึ้นไปบน Server

แต่เมื่อไม่นานมานี้ระบบ Content Management System หรือ CMS ได้เริ่มแพร่หลายทั้งที่ติดมากับโปรแกรม Open source ต่างๆ (เช่น phpNuke Mambo) หรือโปรแกรมเมอร์สมัยใหม่ได้นำมาใช้งานอำนวยความสะดวกมากขึ้น ทุกวันนี้เว็บไซต์ใหนที่เจ้าของเว็บไซต์จัดการข้อมูลเองด้วย CMS ไม่ได้แล้ว เว็บไซต์นั้นเรียกได้ว่า น่าจะตกมาตรฐานเลยทีเดียว

CMS นั้น จุดประสงค์คือให้คนที่ดูแลข้อมูลสามารถอัพเดทเว็บไซต์ได้ด้วยคนเองผ่านส่วนของผู้ดูแลระบบ(Admin Control Panel) โดยไม่จำเป้นต้องรู้เรื่องภาษา HTML ไม่ต้องรู้เรื่อง FTP สามารถจัดการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลผ่าน Visual Editor (ช่องรับข้อมูลที่มีลักษณะคล้าย MS-Word) ตกแต่งหน้าตาเอกสารแบบเห็นตามจริง(WYSIWYG: What you see is what you get) แบบง่ายๆ สามารถคัดลอกจากโปรแกรมต่างๆของ MS-Office หรือแม้แต่หน้าเว็บเพจของเว็บไซต์อื่นมาแปะลงไปได้แม้จะมีทั้งรูปภาพ ลิงก์ หรือมีเดียต่างๆที่อยู่บนนั้น

ในปัจจุบันนี้ตัว CMS ที่ใช้ Visual Editor จะมีความสามารถใกล้เคียงกับ MS-Word เพียง 60-70% แต่ก็เพียงพอสำหรับการจัดการหน้าตาเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี สามารถลดขั้นตอนในการที่ต้องพึ่งพาโปรแกรมเมอร์ เพราะทานสามารถจัดการข้อมูลได้เองอย่างทันใจ และในอนาคตคาดว่าความสามารถของตัว Editor คงไม่มีข้อจำกัดทางด้าน Browser ทำให้การจัดการข้อมูลบนเว็บไซต์ง่ายแสนง่ายจนใครๆก็มีความสามารถเป็นมาสเตอร์ได้ เหมือนใครๆก็พิมพ์ MS-Word ได้อย่างแน่นอน